นโยบายความเป็นส่วนตัวของตัวแทนจำหน่าย

 

บริษัท ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช จำกัด (“บริษัท”) รับประกันและสร้างความมั่นใจให้แก่ท่านว่า บริษัทให้ความสำคัญและเคารพสิทธิของลูกค้าตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าของข้อมูลของบริษัท โดยบริษัทจะเก็บและใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอย่างถูกต้องและโปร่งใส ตลอดจนจะเก็บและใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อรับประกันการให้บริการหรือการปฏิบัติพันธกิจต่าง ๆ  ที่บริษัทอาจมีต่อท่านอย่างเต็มประสิทธิภาพแก่ท่านเป็นหลัก พร้อมกันนี้ บริษัทรับประกันการดำเนินการต่าง ๆ  ให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องด้วยมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยที่ดีที่สุด

นิยามและขอบเขต “ข้อมูลส่วนบุคคล” ที่จะมีการประมวลผล

ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อมตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมและกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง

สำหรับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในฐานะลูกค้าที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท อาจมีทั้งกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าหรือผู้ติดต่อที่ติดต่อเข้ามายังบริษัทซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา และข้อมูลส่วนบุคคลของกรรมการผู้มีอำนาจลงนามและ/หรือตัวแทนผู้ได้รับมอบหมายหรือมอบอำนาจจากท่านในการติดต่อประสานงานกับบริษัท ในกรณีของลูกค้าหรือผู้ติดต่อที่เป็นนิติบุคคล(“ตัวแทน”)

แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทจะประมวลผล

ในระหว่างการติดต่อสื่อสารและประสานงานเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทและท่าน บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านหรือตัวแทนของท่านจากแหล่งที่มา ดังนี้ (1) บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจากท่านโดยตรงตามข้อมูลที่ท่านติดต่อมายังบริษัทผ่านแต่ละช่องทางการติดต่อ การสนทนา การเข้าทำสัญญาหรือเอกสารธุรกรรมต่าง ๆ  หรือการให้ข้อมูลของท่านโดยตรงผ่านระบบ Sales Tools (2) อาจได้รับจากการติดต่อประสานเพิ่มเติมระหว่างพนักงานตัวแทนของบริษัทและตัวแทนหรือพนักงานของท่าน และ (3) โดยเฉพาะกรณีของลูกค้าตัวแทนจำหน่ายที่เป็นร้านค้าย่อย (Reseller) บริษัทจะได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ/หรือตัวแทนของท่านจากผู้แทนจำหน่ายของบริษัท (Distributor) ที่เป็นผู้ให้คำแนะนำและให้ ข้อมูลของท่านให้แก่บริษัทโดยตรง

ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีการประมวลผล

ในระหว่างการติดต่อสื่อสารและประสานงานเพื่อการทำธุรกรรมระหว่างบริษัทและท่าน บริษัทจำเป็นต้องเก็บ รวบรวม ใช้ และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. ข้อมูลการติดต่อ ได้แก่ ชื่อนามสกุล และข้อมูลการติดต่อของลูกค้าบุคคลธรรมดาหรือตัวแทนของลูกค้านิติบุคคล (เช่น เบอร์โทรศัพท์ อีเมล สถานที่ติดต่อ)
  2. ข้อมูลการแสดงตนของลูกค้าบุคคลธรรมดาหรือตัวแทนของลูกค้านิติบุคคล ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาหนังสือเดินทางเพื่อประกอบการลงนามและทำสัญญา
  3. กรณีลูกค้าบุคคลธรรมดา อาจหมายความรวมถึงข้อมูลการชำระเงิน อาทิเช่น บัญชีธนาคาร ประวัติการเบิกจ่ายเงินต่าง ๆ โดยลูกค้ารายนั้น ๆ  และอาจรวมถึงข้อมูลประวัติการสั่งซื้อสินค้าและการขายสินค้าของท่าน ซึ่งอาจประกาศ และสามารถ วิเคราะห์ได้ผ่านข้อมูลธุรกรรมที่ได้รับการบันทึกใน Sales Tools
  4. ข้อมูลประวัติการสนทนาหรือข้อมูลส่วนบุคคลที่อาจมีการส่งต่อเปิดเผยระหว่างการติดต่อสื่อสารอื่นที่ท่านอาจมีกับบริษัท ซึ่งอาจรวมถึงเรื่องการร้องเรียน หรือการให้ความเห็นต่าง ๆ เป็นต้น
  5. ข้อมูลประเภทอื่นที่ท่านอาจยินยอมนำส่งให้แก่บริษัทจากการติดต่อสื่อสารระหว่างพนักงานตัวแทนของบริษัทและตัวแทนหรือพนักงานของท่าน (ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียง ข้อมูลความสนใจหรือข้อมูลอื่นทั่วไปที่อาจช่วยในการปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทและท่านในฐานะลูกค้า)

ในกรณีที่ท่านนำส่งข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เกี่ยวข้องใด ๆ  ภายใต้การคุ้มครองของท่านให้แก่บริษัท โดยเฉพาะกรณีที่ผู้แทนจำหน่ายสินค้า (Distributor) เป็นผู้ให้ข้อมูลของตัวแทนจำหน่ายสินค้าร้านค้าย่อย (Reseller) เมื่อได้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทจะถือว่า ท่านรับประกันสิทธิโดยสมบูรณ์ในการส่งต่อและเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลที่เกี่ยวข้องดังกล่าวให้แก่บริษัทโดยสมบูรณ์แล้ว และบริษัทย่อมมีสิทธิในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลเหล่านั้นได้ภายใต้นโยบายฉบับนี้

วัตถุประสงค์และระยะเวลาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดของท่าน รวมถึงของบุคคลอื่นใดที่ท่านส่งต่อเปิดเผยให้แก่บริษัทอาจได้รับการเก็บ รวบรวม ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

  1. การติดต่อสื่อสารประสานงานระหว่างกระบวนการตกลงเจรจาธุรกรรมการทำสัญญาระหว่างกัน
  2. การปฏิบัติสิทธิและหน้าที่ของบริษัทภายใต้สัญญาที่ลงนามกับท่าน ซึ่งอาจรวมถึงการดำเนินธุรกรรมซื้อขาย ตรวจสอบการชำระราคา การจัดส่งสินค้า และการปฏิบัติหน้าที่อื่น ที่บริษัทอาจต้องดำเนินการให้แก่ท่านตามที่อาจจะมีการแจ้งและตกลงกันระหว่างบริษัทและท่านเป็นแต่ละกรณี
  3. การปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัทโดยเฉพาะการทำบัญชีและชำระภาษี
  4. การคุ้มครองสิทธิประโยชน์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัทกรณีเกิดข้อพิพาท หรือข้อโต้แย้งระหว่างบริษัทและท่าน รวมถึงเพื่อการพัฒนาความสัมพันธ์อันดีระหว่างบริษัทและท่านในฐานะลูกค้ารายบุคคล และลูกค้าในภาพรวมของบริษัท โดยบริษัทจะใช้ข้อมูลการใช้บริการและการซื้อขายทั้งหมดเพื่อการพิจารณาวางแผนการปรับปรุงสินค้า และบริการของบริษัทให้เหมาะสมและตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการฝึกอบรมพนักงาน และการพิจารณาทบทวนการแก้ไขข้อร้องเรียนต่าง ๆ รวมถึงการจัดทำรายงานการติดตามตรวจสอบภายในเกี่ยวกับภาพรวมการให้บริการของบริษัทให้แก่ลูกค้ากลุ่มต่าง ๆ  ทั้งตามรูปแบบที่สามารถระบุตัวตนได้ และข้อมูลสถิติที่ไม่สามารถระบุตัวตนของลูกค้าได้

ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทมีความจำเป็นในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นระยะเวลาเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งได้ระบุไว้ในนโยบายฉบับนี้ ทั้งนี้ บริษัทจะอ้างอิงหลักเกณฑ์ที่ใช้กำหนดระยะเวลาเก็บ ดังนี้ บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาที่บริษัทยังมีความสัมพันธ์กับท่านในฐานะลูกค้าของบริษัท และอาจเก็บต่อไปตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายหรือตามอายุความทางกฎหมาย เพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย ซึ่งในกรณีที่ไม่สามารถระบุระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทสงวนสิทธิที่จะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)

การเปิดเผยหรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ในกรณีที่จำเป็น บริษัทอาจต้องเปิดเผยและ/หรือส่งต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลภายนอก ได้แก่

  1. เปิดเผยให้แก่ผู้ให้บริการภายนอกของบริษัท รวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงบริษัทที่ปรึกษา หรือบริษัทตรวจสอบบัญชี เป็นต้น ที่ได้รับการว่าจ้างจากบริษัทให้ช่วยเหลือสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของบริษัท โดยบริษัทจะดำเนินการดังกล่าวบนหลักการเท่าที่จำเป็น ภายใต้สัญญาการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างบริษัทและผู้ให้บริการภายนอกดังกล่าวเท่านั้น และ
  2. เปิดเผยตามหน้าที่ที่บริษัทมีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แก่หน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ หรือเป็นการเปิดเผยกรณีที่บริษัทอยู่ภายใต้บังคับคำพิพากษา หรือตามคำสั่งของหน่วยงานราชการให้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวโดยบริษัทจะดำเนินการเพียงเท่าที่จำเป็นตามหน้าที่เท่านั้น

ทั้งนี้ ในกรณีที่ต้องมีการโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปยังต่างประเทศ บริษัทฯ จะดำเนินการตามที่พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด

สิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูล

สิทธิของท่านเป็นสิทธิตามกฎหมายที่ท่านควรทราบ โดยท่านสามารถขอใช้สิทธิต่าง  ๆ  ได้ภายใต้ข้อกำหนดของกฎหมายและนโยบายที่กำหนดไว้ในขณะนี้ หรือที่จะมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคต ตลอดจนหลักเกณฑ์ตามที่บริษัทกำหนดขึ้น

  1. สิทธิขอถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมให้บริษัท เก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลท่าน (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่ท่านให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับบริษัท
  2. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของท่านที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัท และขอให้บริษัททำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่ท่าน
  3. สิทธิขอถ่ายโอนข้อมูล ในกรณีที่บริษัทได้ทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานโดยทั่วไปได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค
  4. สิทธิขอคัดค้านในเวลาใดก็ได้ หากการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ทำขึ้นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ และท่านสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่าการประมวลผลข้อมูลดังกล่าวกระทบสิทธิขั้นพื้นฐานของท่าน
  5. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล หรือทำให้เป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าบริษัทหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อท่านได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว
  6. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลชั่วคราวในกรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้านของท่านหรือกรณีอื่นใดที่บริษัทหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่ท่านขอให้บริษัทระงับการใช้แทน
  7. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูลให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  8. สิทธิร้องเรียนต่อหน่วยงานผู้มีอำนาจ หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นสามารถทำได้โดยกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอใช้สิทธิและยื่นคำร้องต่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม การใช้สิทธิของท่านอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง และมีบางกรณีที่มีเหตุจำเป็นที่บริษัทอาจปฏิเสธหรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ โดยหากบริษัทปฏิเสธคำขอข้างต้น บริษัทจะแจ้งเหตุผลของการปฏิเสธให้ท่านทราบด้วย

ในกรณีที่มีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โปรดติดต่อบริษัทได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

ชื่อบริษัท:                                บริษัท ยาคอบส์ ดาวเออร์ เอ็กเบิร์กส์ ทีเอช จำกัด

อีเมล:                     THPrivacy_External@JDEcoffee.com